โครงงาน
เรื่อง ภูมิปัญญาไทย
(การกรีดยางของชาภาคใต้)
(การกรีดยางของชาภาคใต้)
เสนอ
อาจารย์พรทิพย์ มหันตมรรค
จัดทำโดย
นางสาวพรชนิตว์ ปลอดรอด
เลขที่ ๑๙ ม.๖/๑
นางสาวน้ำฝน ชุมทอง เลขที่ ๒๓ ม.๖/๑
วิทยาลัยนาฏศิลปนครศรีธรรมราช สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
กระทรวงวัฒนธรรม
คำนำ
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาการงานอาชีพ
จัดทำขึ้นมาเพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนในรายวิชา
และเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับ ภูมิปัญญาไทย ของภาคใต้ (การกรีดยาง)
สามารถใช้เป็นแบบอย่างต่อรุ่นน้องรุ่นหลังต่อไป
หากรายงานฉบับนี้ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัย ณ. ที่นี้ด้วย
สารบัญ
เรื่อง
หน้า
ชื่อโครงงาน 1
-การกรีดยางพาราของชาวภาคใต้
ประเภทโครงงาน 7
-ผู้เสนอโครงงาน
-ผู้เสนอโครงงาน
แหล่งข้อมูลที่ได้จาการศึกษาค้นคว้า 8
-หลักการทำโครงงาน
ขอบเขตในการทำงาน 10
ชื่อโครงงาน
การกรีดยางพารา ของชาวภาคใต้
นับตั้งแต่ปี 2534 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
ประเทศไทยได้ก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิต และส่งออก ยางพาราเป็นอันดับ 1 ของโลก จากการสำรวจ เมื่อปี 2537 พบว่า
มีพื้นที่ปลูกยางพารา ประมาณ 11.9 ล้านไร่ ผลิตยางได้ 1.72
ล้านตัน
ยางพันธุ์ดีไม่เหมือนยางพันธุ์พื้นเมือง กรีดครั้งหนึ่งน้ำยางออกมากกว่ายางพันธุ์พื้นเมืองประมาณ 1-3 เท่า ฉะนั้นการจะกรีดยางพันธุ์ดีบ่อยครั้งเหมือนกับการกรีดยางพื้นเมืองจึงทำไม่ได้ จำเป็นต้องให้มีเวลาพัก มิฉะนั้นต้นยางจะเป็นโรคเปลือกแห้ง คือกรีดแล้วน้ำยางไม่ออก
วิธีการกรีดยาง
ต้นยางทุกต้นมีท่อน้ำยางอยู่ที่เปลือก
วนเวียนรอบ ๆ ต้นจากบนขวามาล่างซ้าย การกรีดยางจากขวามาซ้าย ซึ่งกรีดกันมาแต่
ก่อนนั้นท่อน้ำยางถูกตัดขาดน้อยกว่าการกรีดจากซ้ายมาขวา
ฉะนั้นจึงควรกรีดจากซ้ายมาขวา เพื่อให้ท่อน้ำยางถูกตัดขาดมาก
จะทำให้ได้น้ำยางมากขึ้น
ทางเดินของท่อน้ำยางและทิศทางที่ควรกรีด
การเปิดกรีดครั้งแรก
ต้นติดตา
1.
ต้นยางจะเปิดกรีดได้เมื่อวันรอบต้นตรงบริเวณที่สูงจากพื้นดิน
150 ซม. ได้ 50 ซม. ขึ้นไป โดยไม่คำนึงถึงอายุของต้นยาง
และเปิดกรีด ณ จุดที่สูงจากพื้นดิน 150 ซม.
2.
ในระยะ 3 ปีแรก กรีดครึ่งต้นวันเว้นวัน โดยไม่มีการกรีดชดเชย และควรหยุดกรีดเมื่อยางผลัดใบ
3. กรีดครึ่งต้นวันเว้นวัน ตลอดไป หลังจากกรีดไปแล้ว 3
ปี และมีการกรีดชดเชย ถ้าวันกรีดน้อยกว่า 200 วันต่อปี
4. กรีดจากซ้ายมาขวา โดยทำมุมให้เอียง 30-35 องศา
กับแนวระดับ
ต้นกล้า
1. ต้นยางจะเปิดกรีดได้เมื่อวัดรอบต้นตรงบริเวณที่สูงจากพื้นดิน 75 ซม. ได้ 50 ซม. ขึ้นไป โดยไม่คำนึงถึงอายุของต้นยาง
และเปิดกรีดที่จุดสูงจากพื้นดิน 75 ซม.
2. กรีดครึ่งต้น กรีดวันเว้น 2 วัน สำหรับหน้าแรก 3. กรีดครึ่งต้นวันเว้นวันสำหรับหน้าต่อไป โดยไม่ต้องกรีดชดเชยแต่ควรหยุดกรีด เมื่อต้นยางผลัดใบ
4. กรีดจากซ้ายมาขวา โดยทำมุมให้เอียง 30-35 องศา กับแนวระดับ
อุปกรณ์ในการเปิดกรีดยาง2. กรีดครึ่งต้น กรีดวันเว้น 2 วัน สำหรับหน้าแรก 3. กรีดครึ่งต้นวันเว้นวันสำหรับหน้าต่อไป โดยไม่ต้องกรีดชดเชยแต่ควรหยุดกรีด เมื่อต้นยางผลัดใบ
4. กรีดจากซ้ายมาขวา โดยทำมุมให้เอียง 30-35 องศา กับแนวระดับ
1. ไม้เปิดกรีด
2. มีดกรีดยาง
3. ถ้วยรองน้ำยาง
รางและลวดพยุงถ้วย
การเปิดกรีดหน้ายางวิธีติดรางและถ้วยรับน้ำยาง
1. ติดรางรองน้ำยางห่างลงมาจากรอยกรีด 25 ซม. หรือ 9-10 นิ้ว ไม่ควรกดรางให้ลึกถึงเยื่อเจริญของต้นยาง
2. ติดลวดและวางถ้วยรับน้ำยางห่างจากรางรับน้ำยางประมาณ 5-7 ซม. หรือ 2-3 นิ้ว
การสิ้นเปลืองเปลือก
ทุกครั้งที่กรีดยาง เปลือกยางจะถูกตัดออกไป
ฉะนั้นเดือนหนึ่ง ๆ ควรกรีดเปลือกยางหมดประมาณ 1 นิ้ว หรือขนาดความกว้างของเหรียญบาท
และควรทำเครื่องหมายไว้เพื่อตรวจสอบความสิ้นเปลืองของเปลือกยาง
เมื่อกรีดมาถึงโคนหรือใกล้พื้นดิน ค่อยๆเลื่อนถ้วยรับน้ำยางจากขวาไปซ้ายตามความหดสั้นลงของรอยกรีด
เพื่อใช้เปลือกบริเวณโคนให้หมด โดยไม่ต้องขุดหลุมฝังถ้วยแต่อย่างใด
การเปิดกรีดหน้าที่สอง
การเปิดกรีดหน้าที่สอง
เมื่อกรีดยางหน้าแรกหมดแล้ว ให้เปิดกรีดหน้าที่สอง ของเปลือกยาง โดยเปิดกรีดหน้ายางสูงจากพื้นดิน 150 ซม. ทั้งต้นติดตาและต้นกล้าและใช้มุมของการกรีดเท่ากับ 30-35 องศา ดังเดิม
เวลาของการกรีดยาง
การกรีดยางพันธุ์ดี ไม่จำเป็นต้องกรีดก่อนสว่าง ควรกรีดเมื่อสว่างแล้วคือประมาณ 06.00-08.00 น. ก็จะได้น้ำยางมากเท่า ๆ กันกับการกรีดยางก่อนสว่าง แต่อย่าให้เกิน 11.00 น.
ข้อควรปฏิบัติ
1. ใช้มีดที่คมอยู่เสมอ
2. กรีดจากซ้ายไปขวา
3. กรีดครึ่งต้นวันเว้นวัน
4. อย่ากรีดลึกถึงเนื้อไม้
5. กรีดบาง ๆ เดือนหนึ่งใช้เปลือกอย่าให้เกิน 1 นิ้ว 6. ควรกรีดยางในตอนเช้าเป็นต้นไป 06.00-08.00 น. อย่าให้เกิน 11.00 น.
7. ไม่กรีดยางในขณะที่ต้นยางเปียก
8. หยุดกรีดเมื่อยางผลัดใบ
9. ทำความสะอาดถ้วยน้ำยางก่อนกรีดยางทุกครั้ง
10. เก็บน้ำยางเสร็จ คว่ำถ้วยไว้เสมอ
11. สำหรับสวนยางขนาดเล็ก ควรเปิดกรีดเมื่อต้นยางที่ได้ขนาดเปิดกรีดจำนวน 1/2 ของต้นยางทั้งสวน ส่วนสวนขนาดใหญ่ควรเปิดกร ีด เมื่อต้นยางได้ขนาดเปิดกรีดไม่น้อยกว่า 70% ของต้นยางทั้งหมด
ประเภทโครงงาน
นับตั้งแต่ปี 2534 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
ประเทศไทยได้ก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิต และส่งออก ยางพาราเป็นอันดับ 1 ของโลก จากการสำรวจ เมื่อปี 2537 พบว่า
มีพื้นที่ปลูกยางพารา ประมาณ 11.9 ล้านไร่ ผลิตยางได้ 1.72
ล้านตัน
การกรีดยาง
ยางพันธุ์ดีไม่เหมือนยางพันธุ์พื้นเมือง กรีดครั้งหนึ่งน้ำยางออกมากกว่ายางพันธุ์พื้นเมืองประมาณ 1-3 เท่า ฉะนั้นการจะกรีดยางพันธุ์ดีบ่อยครั้งเหมือนกับการกรีดยางพื้นเมืองจึงทำไม่ได้ จำเป็นต้องให้มีเวลาพัก มิฉะนั้นต้นยางจะเป็นโรคเปลือกแห้ง คือกรีดแล้วน้ำยางไม่ออก
วิธีการกรีดยาง
ต้นยางทุกต้นมีท่อน้ำยางอยู่ที่เปลือก
วนเวียนรอบ ๆ ต้นจากบนขวามาล่างซ้าย การกรีดยางจากขวามาซ้าย ซึ่งกรีดกันมาแต่
ก่อนนั้นท่อน้ำยางถูกตัดขาดน้อยกว่าการกรีดจากซ้ายมาขวา
ฉะนั้นจึงควรกรีดจากซ้ายมาขวา เพื่อให้ท่อน้ำยางถูกตัดขาดมาก จะทำให้ได้น้ำยางมากขึ้น
ชื่อผู้เสนอโครงงาน
นางสาวพรชนิตว์ ปลอดรอด และ นางสาวน้ำฝน
ชุมทอง
นักเรียนนักศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลปนครศรีธรรมราช ศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖/๑
แหล่งข้อมูลที่ได้จากการศึกษาค้นคว้า
เอกสารเผยแพร่ที่ 30
กรมส่งเสริมการเกษตร เรียบเรียง ชวลิตร หุ่นแก้ว กองส่งเสริมพืชสวน
กรมส่งเสริมการเกษตร เรียบเรียง ชวลิตร หุ่นแก้ว กองส่งเสริมพืชสวน
ศิลป์ ชำนาญ เอี่ยมทัต กองเกษตรสัมพันธ์
จัดทำ พัฒนา นรมาศ กองเกษตรสัมพันธ์
ผลิตและเผยแพร่โดย
ฝ่ายเอกสารคำแนะนำ กองเกษตรสัมพันธ์
กรมส่งเสริมการเกษตร
ฝ่ายเอกสารคำแนะนำ กองเกษตรสัมพันธ์
กรมส่งเสริมการเกษตร
วัตถุประสงค์
๑.เพื่อให้เยาวชนรุ่นหลังได้รู้จักวิธีการกรีดยางของชาวภาคใต้
๒.เพื่อให้เยาวชนได้รู้และเข้าใจวิถีชีวิตของชาวภาคใต้ในการประกอบอาชีพ
๓.เพื่อเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาของชาวภาคใต้
หลักการทำโครงงาน
ศึกษาค้นคว้า หาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ และนักวิชาการต่างๆ ซึ่งครอบคลุมคำว่า ภูมิปัญญา
ภูมิปัญญาพื้นบ้าน ภูมิปัญญาชาวบ้าน ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย สามารวบรวมได้ดั้งนี้
๑)
ภูมิปัญญา
คำว่าภูมิปัญญา ตรงว่าคำศัพท์ภาษาอังกฤษว่า wisdom ซึ่งมีความหมายว่า ความรู้
ความสามารถ ความเชื่อ ความสามารถทางพฤติกรรม และความสามารถในการแก้ไขปัญหาของมนุษย์
๒)
ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
คำว่าภูมิปัญญาพื้นบ้าน
ให้ความหมายว่าเป็นองค์ความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่สั่งสมและสืบทอดกันมาอันเป็นความสามารถและศักยภาพในเชิงแก้ปัญหา
การปรับตัวเรียนรู้และสืบทอดไปสู่คนรุ่นใหม่ เพื่อการดำรงอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ จึงเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ เผ่าพันธุ์หรือเป็นวิถีของชาวบ้าน
๓)
ภูมิปัญญาชาวบ้าน
ภูมิปัญญาชาวบ้านเกิดจากการสะสมการเรียนรู้มาเป็นระยะเวลายาวนาน
มีลักษณะเชื่อมโยงกันไปหมดในทุกสาขาวิชาไม่แยกเป็นวิชาๆ แบบที่เราเรียน ฉะนั้นวิชาที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจอาชีพ ความเป็นอยู่เกี่ยวการใช้จ่าย
กับการศึกษาวัฒนธรรมมันจะผสมผสานกลมกลืนเชื่อมโยงกันไปหมด
๔)
ภูมิปัญญาท้องถิ่น
กองวิจัยการศึกษา กรมวิชาการ
กล่าวว่า ภูมิปัญญาท้องถิ่น ( Local wisdom ) หรือภูมิปัญญาชาวบ้าน (popular
wisdom ) เป็นองค์ความรู้ความสามารถของชาวบ้าน ที่สั่งสมสืบทอกกันมากันเป็นศักยภาพหรือความสามารถที่จะใช้แก้ปัญหา ปรับตัว
เรียนรู้ และมีการสืบทอดไปสู่คนรุ่นใหม่
หรือคือแก่นของชุมชนที่จรรโลงชุมชนให้อยู่รอดจนถึงปัจจุบัน
๕)
ภูมิปัญญาไทย
ภูมิปัญญาไทย เป็นผลของประสบการณ์สั่งสมของคนที่เรียนรู้จากปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
ปฏิสัมพันธ์ในชุมชนเดียวกันและระหว่างกลุ่มชุมชนหลายๆชาติพันธุ์ รวมไปถึงโลกทัศน์ที่มีต่อสิ่งเหนือธรรมชาติ
ภูมิปัญญาเหล่านี้เคยเอื้ออำนวยให้คนไทยแก้ปัญหาได้ดำรงอยู่ และสร้างสรรค์อารยธรรมของเราเองอย่างมีดุลยภาพกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในระดับพื้นฐานหรือระดับชาวบ้าน ภูมิปัญญาในแผ่นดินนี้ มิได้เกิดขึ้นเป็นเอกเทศ
แต่มีส่วนแลกเปลี่ยนเลือกเฟ้น
และปรับให้ภูมิปัญญาจากอารย-ธรรมอื่นตลอดมา
ขอบเขต
การกรีดยางมักจะมีอุปสรรคเมื่อตอนฝนตก และราคาของยางพาราจะลดลง
เนื่องจากชาวภาคใต้มักจะประกอบเป็นอาชีพหลัก
และเป็นวิถีชีวิตในการดำรงชีวิตของมนุษย์และยางพารายังสามารถไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น